เป็นคำถามที่คาใจพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างผมที่มีลูกๆกำลังอยู่ในวัยเรียน ว่าเราลงทุนลงแรงเพื่อบุตรหลานหรือเพื่อนักธุรกิจแสวงหาผลประทางการศึกษา แต่ที่แน่ๆคือพ่ออย่างผมต้องใช้เวลา ต้องใช้หยาดเหงื่อแรงกายเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในเรื่องของการศึกษาเล่าเรียนของลูกๆมากที่สุด ต่างจากสมัยที่ผมเป็นนักเรียนโดยสิ้นเชิง สมัยก่อนโอกาสอยู่ที่ตัวเรา ใครใฝ่รู้ใฝ่เรียนก็จะได้ความสำเร็จเป็นรางวัลตอบแทน ใครเกียจคร้านบั้นปลายก็จะลำบาก ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีในการคัดกรองคนเข้าสู่สังคมการทำงาน เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ พ่อแม่เสียค่าใช้จ่ายแบบสมเหตุสมผล ผู้เรียนต้องใช้ความขยันหมั่นเพียรเข้าไปตักตวงแสวงหาความรู้ เดินเข้าไปหาโอกาสได้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่ปัจจุบันเราต้องใช้เงินเพื่อซื้อหาโอกาสทางการศึกษาทั้งสิ้น วันนี้ผมจึงขอพูดระบายความในใจเรื่องระบบการศึกษาไทยในมุมมองของตัวเอง จากประสบการณ์ของตัวเองและคนรอบข้างที่เคยคุยปรับทุกข์กัน อยากให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้สิ่งที่ผมได้ประสบพบเจอมา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ
การศึกษาคือสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน เพื่อสร้างบุคคลากรให้มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพต่างๆในอนาคต ดังนั้นพ่อแม่จึงให้ความสำคัญกับการให้การศึกหาความรู้แก่ลูกๆเป็นอันดับแรก พยายามทำงานหาเงินส่งเสียให้ลูกเรียนจบเพื่อหน้าที่การงานที่มั่นคงในวันข้างหน้า แต่ในปัจจุบันการศึกษาเปรียบเสมือนการลงทุนอย่างหนึ่ง ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองต้องซื้อหามาทั้งสิ้น ยิ่งเรียนสูงยิ่งมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้พ่อแม่ต้องออกแรงหาเงินกันตัวเป็นเกลียว ยิ่งสาขาวิชาที่เรียนจบแล้วได้เงินดีมีความมั่นคง ยิ่งแย่งกันเข้าเรียน การลงทุนยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว ทำให้มีความได้เปรียบเสียเปรียบสำหรับคนที่มีต้นทุนต่างกัน เด็กบางคนเรียนดีมีความเฉลียวฉลาดแต่ขาดทุนทรัพย์ก็ไปไม่ถึงดวงดาว ผู้เกี่ยวของไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่
ผมก็เป็นพ่อคนหนึ่งที่พยายามสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ลูก เมื่อต้นทุนเราน้อยก็ต้องพยายามหางานทำหามรุ่งหามค่ำเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่าย บางคนต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ลูกเพราะหาเงินไม่ทัน ผลประโยชน์บนความยากลำบากของพ่อแม่ตกอยู่ที่ใครบ้าง ที่เห็นได้ชัดคือสถาบันกวดวิชาและครูสอนพิเศษ สมัยก่อนเด็กเรียนไม่ทันหรือเรียนไม่เก่งต้องมาเรียนเสริมเพิ่มเติมกันตรงนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่สมัยนี้เด็กทุกคนรวมทั้งเด็กที่เรียนดีอยู่แล้วยังต้องมาเรียนพิเศษมาติวนอกเวลา เพื่อรับมือกับข้อสอบที่ใช้ในการสอบคัดเลือก เรียนในห้องเรียนอย่างเดียวไม่ครอบคลุมทำข้อสอบบางข้อไม่ได้ ด้วยเหตุนี้สถาบันกวดวิชาต่างๆจึงเข้ามาล้วงเงินในกระเป๋าพ่อแม่ผู้ปกครองได้อย่างสบายๆ ยิ่งที่ดังๆที่ผลงานดีมีชื่อเสียงแพงเท่าไหร่ก็ยอมหาเงินมาจ่าย
สมัยนี้การเรียนพิเศษกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการติวเข้มก่อนเข้าสอบคัดเลือก ต้องเรียนคู่ขนานกันไปตั้งแต่เรียนชั้นประถม ไม่ต่างอะไรจากเรียนสองสามโรงเรียนในเวลาเดียวกัน คนที่มีต้นทุนชีวิตที่ดีกว่าย่อมได้เปรียบ มีเงินมากกว่าได้ติวมากกว่า มีโอกาสมากกว่า นี่คือความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา ดูผิวเผินเหมือนผู้เกี่ยวข้องจะให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา เพราะการสร้างภาพต่างๆที่ออกมามันช่างดูดีมีคุณค่าน่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีการแก้ไขเรื่องนี้ให้เห็นเป็นรูปธรรม เวลายิ่งผ่านไปผู้ปกครองยิ่งต้องควักกระเป๋าจ่ายค่ากวดวิชาให้บุตรหลานมากขึ้น ทำไมไม่วางระบบการศึกษาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อคัดกรองเด็ก เรียนที่โรงเรียนจบแล้วมาสอบแข่งขัน กระทรวงศึกษาธิการทำได้แน่นอนครับผมมั่นใจแต่เมื่อไหร่จะลงมือทำ อย่าเปิดโอกาสให้ใครเข้ามากอบโกยผลประโยชน์บนความยากลำบากของพ่อแม่ผู้ปกครองอีกเลยครับ
บุคคลาการที่ดีมีความรู้ความสามารถ จะมาพัฒนาชาติให้เจริญรุ่งเรืองในอนาคต ดังนั้นการผลิตบุคคลากรให้มีคุณภาพในวันนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มต้นจากการคัดกรองวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ด้วยการตั้งกติกาให้เป็นธรรม ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงการศึกษาและการเข้าถึงทุกการแข่งขันทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน อย่าให้การทำธุรกิจเข้ามาทำลายกติกาที่เป็นธรรมสร้างความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาอีกเลย เด็กตั้งใจเรียน เรียนดี เรียนเก่ง เฉลียวฉลาด ต้องได้รับโอกาสเข้าถึงการแข่งขันในทุกสนามสอบที่เขาต้องการได้อย่างเป็นธรรม วางรากฐานระบบการศึกษาให้มีมาตรฐานเดียวกัน เรียนในห้องเรียนแล้วออกมาสอบแข่งขันคัดเลือกตามความสามารถ ผู้เกี่ยวข้องได้โปรดหันมาเปลี่ยนธุรกิจทางการศึกษาให้เป็นการลงทุนสร้างบุคคลากรที่มีความสามารถเพื่อมาพัฒนาชาติในอนาคตกันดีกว่าครับ
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมไม่ได้พูดถึง อย่างเช่นค่าลงสมัครสอบที่แพงเกินไป ช่องว่างต่างๆที่ควรแก้ไข คืนวิถีชีวิตที่เสียไปให้กลับมา ได้เรียนในสิ่งที่ชอบจบมาก็มีความสุขกับงาน ฯลฯ ผมจะนำมุมมองที่เห็นว่ามีประโยชน์ต่อส่วนรวมมาค่อยๆทะยอยมาเล่าให้ฟังในตอนต่อไปนะครับ
วิดีโอโดย Christian Bodhi จาก Pixabay
Tag
ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่ควรหาทางแก้ไขทาง
ผลประโยชน์ของสถาบันกวดวิชา สร้างความถดถอยให้การศึกษาไทย เมื่อเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบจึงสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนคนรวย
ธุรกิจทางการศึกษาคือการทำนาบนหลังคน พ่อแม่ผู้ปกครองลงทุนกับการศึกษาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายพ่อแม่
ธุรกิจทางการศึกษา
การออกกฎหมาย สร้างระบบ ระเบียบ แบบแผน มีความจำเป็นในการป้องกันการเอื้อประโยชน์นักธุรกิจที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์จนเกิดความเสียหายต่อระบบการศึกษาไทย
การลงทุนทางการศึกษาของภาครัฐ คือการลงทุนสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อเข้ามาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประเทศชาติในอนาคต ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ปัญหาที่ทำให้การศึกษาไทยล้าหลัง
อะไรที่ทำให้การศึกษาไทยล้าหลัง
จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทยได้อย่างไร